วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Conversation] “ขอยืม….” ภาษาอังกฤษพูดว่าอย่างไรนะ



สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวแกงค์ Conver ง่ายย Verrr… 
วันนี้เราจะมาฝึกพูดประโยคง่ายๆ ที่เราคนไทยเนี่ยพูดกันปกติง่ายๆ เลยค่ะ นั่นคือ “ขอยืม” โดยเฉพาะเศรษฐกิจแบบนี้ “ขอยืมตังค์หน่อยดิ” อั้ยะ!! แต่พอจะต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษปุ๊บ เอ๊ะ! ไอ้ยืมเนี่ย ภาษาอังกฤษมันพูดอย่างไรนะ


วันนี้ Conver ง่าย Verrr… ขอเสนอคำว่า “borrow” เลยค่ะ แปลตรงๆ แปลว่า “ขอยืม” นั่นเอง ยกตัวอย่างตามข้างต้นเลยนะคะ “ขอยืมตังค์หน่อยดิ” ภาษาอังกฤษคือ “Can I borrow you some money?”
โครงสร้างของการใช้ Borrow นี้ นั่นคือ (คนที่ต้องการยืม) + borrow + (เจ้าของสิ่งของ) + (สิ่งของที่ต้องการยืม) นั่นเอง
ยกต้วอย่างอีกประโยคนะคะ “ฉันอยากขอยืมเสื้อของคุณหน่อย" ภาษาอังกฤษคือ “I want to borrow you your shirt.” นั่นเองค่ะ
ฝึกใช้กันเยอะๆ นะคะ เราจะสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องขึ้นได้แน่นอน

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Pronunciation] วอลุ่มนี่ภาษาไทยนะ ภาษาอังกฤษไม่มี


แย่แล้วๆๆๆ อีกคำที่คนไทยมาบัญญัติเป็นคำไทยไปแล้วค่ะ
สำหรับคำนี้ “Volume” เพราะคนไทยตีความการเปร่งเสียงของตัวอักษรผิดๆ และแยกคำการอ่านผิดๆ อีกนั่นเองค่ะ


ก่อนจะออกเสียงคำนี้ ให้เพื่อนๆ ทำความเข้าใจก่อนนะคะว่า “V” ในภาษาอังกฤษนั้น ไม่ได้ตรงกับเสียง “ว” ของไทยนะคะ แต่เป็นเสียง “ฟ” ที่ทำเสียงก้องๆในลำคอ ซึ่งทาง Blog Conver ง่ายย Verrr… ขอใช้เป็น “(ฟ)” เพื่อสื่อความหมายถึงการทำเสียงก้องๆ ในลำคอนะคะ


หลังจากทำความเข้าใจเรื่องการเปร่งเสียงแล้ว เรามาแยกคำให้ถูกกันดีกว่า คำนี้ให้เราแยกการเปร่งเสียงเป็น “Vol - ume” นั่นเอง 
เพราะฉะนั้น พยางค์แรกจะเปร่งเสียงว่า “(ฟ)อล” ทำเสียงก้องๆ ให้ลำคอ พยางค์ที่สองอ่านว่า “ยุ้ม” สังเกตว่า พยางค์ที่สองเราจะไม่ดึงเสียง l มาปน คราวนี้เปร่งเสียงต่อกันค่ะ “(ฟ)อล - ยุ้ม” หลังจากที่เราฝึกแยกเสียงได้แล้ว เราก็ลองฝึกพูดให้ต่อกันนะคะ

คราวนี้มาฟังเจ้าของภาษาพูดนะคะ ก็อปปี้ตามให้เหมือนนะ และคราวหลังต้องฝึกฟังเสียงนี้และตีความให้ถูกต้องกับเสียงกันนะคะ


วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Conversation] ร้องไห้หนักมาก




เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนหรือทำอะไร ก็จะได้ยินแต่คนพูดว่า
 “ร้องไห้หนักมาก” 
เลยสงสัยว่าคำนี้มีภาษาอังกฤษมั้ยนะ แล้วก็ได้คำตอบมีคะ

วันนี้เลยเอามาฝากกันค่ะ
ฝรั่งเค้าพูดกันว่า I'm crying my heart out. 
หมายถึง ร้องไห้จนหัวใจแทบหลุดออกมาอยู่แล้ว
เป็นสำนวนที่เค้ามักใช้เวลาที่เสียใจมากๆค่ะ 
แต่ก็ไม่ผิดนะคะที่เราเอามาใช้กับ “ร้องไห้หนักมาก” 
เพราะเราใช้เวลาเสียใจเหมือนกัน

ต่อไปเวลาจะพูดว่า ร้องไห้หนักมาก อย่างลืมลองใช้เป็นภาษาอังกฤษดูนะค่ะ


ฝากกดไลค์เพจให้พวกเราด้วยนะค่ะ https://www.facebook.com/coverngaaiverrr


วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Pronunciation] "Amazon" อเมซอน???



สวัสดีค่ะ Conver ง่ายยย Verrr... วันนี้ เราจะมาเจาะประเด็นคำที่คนไทยอ่านกันผิดทั่วบ้านทั่วเมืองอีกแล้ว นั่นคือคำว่า "amazon" นั่นเองค่ะ


แหม่ใครๆ ก็ชอบนัดกันร้านกาแฟ "อเมซอน" บ่อยๆ 
ถ้าคนไทยด้วยกันนี่ คงมาเจอกันถูกหรอกค่ะ แต่ถ้านักเพื่อนต่างชาติ เค้าจะงงเอานะคะว่ามันร้านไหน 
คำนี้เนี่ย มี 3 พยางค์ เราแบ่งอ่านเป็น "a - ma - zon" 
เสียงแรก "a" ตัวนี้คนไทยจะชินกับเสียง "อะ" ให้เปลี่ยนใหม่นะคะ ให้ออกเสียงตามชื่อตัวมันคือ "เอ" ค่ะ ส่วน "ma" อันนี้ถ้าออกมาเดี่ยวๆ เห็นเลยใช่ไม๊คะ มันต้อง "มา" มันจะ "เม" ได้ยังไงคะ สุดท้าย "zon" อย่า "ซอน" นะคะ ให้ทำเสียงก้องๆ ในคอ เหมือนเวลากลั้วคอแล้วออกเสียงว่า "ซัน" อย่า "ซัน" เฉยๆ นะคะ ต้องทำเสียงก้องๆ ด้วย


อ่ะคราวนี้มารวมเสียงกันค่ะ "เอ - มา - ซัน" !! ต่อไป เรามาเน้นเสียงกันค่ะ คำนี้เน้นพยางค์สุดท้ายค่ะ เสียง "(ซ)" ก้องๆ ทุ้มๆ ในลำคอ กับเสียง "(น)" ลงท้ายในลำคอชัดๆ ส่วนพยางค์อื่น ให้ทำเสียงผ่านๆ ไป ก็จะเป็น "เอ๊ะม่ะ-(ซั)(น)" คนไทยจะไม่ค่อยชินกับการทำเสียงก้องๆ ต้องค่อยๆ ฝึกการเน้นเสียงที่สำคัญๆ กันด้วยนะคะ


สุดท้าย ฟังเจ้าของภาษามาออกเสียงแล้วก้อปปี้กันนะคะ


วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Pronunciation] "twelfths" อ่านว่า?

คำว่า "twelfths" มีท้ายเสียงหลายเสียงนะคะ
 วันนี้ PN Gang ของเราได้รับเกียรติจาก 
รศ. ศิริกันยา นาคะวิสุทธิ์ 
มาให้ความรู้กับ Conver ง่ายยย Verrr... เรามาลองฟังอ่านอาจารย์สอนการลงท้ายเสียงคำนี้กันค่ะ



ฝากติดตามเพจของด้วยนะค่ะ https://www.facebook.com/coverngaaiverrr

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Pronunciation] “เออเร่อ” … ฝรั่งเค้าไม่มีนะคะ


มาอีกแล้ว พูดกันทั่วบ้านทั่วเมือง “มันเอ่อเร่อ” 
ถ้าฝรั่งมาได้ยิน เค้าคงไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น 

วันนี้เราจะมาฝึกออกเสียงคำนี้กันดีกว่า

คำว่า Error ที่ถูกจะต้องออกเสียงว่า “เอร-เรอร” เสียง “เอ”  ไม่ใช่ “เออ” “เอ”แล้วห่อลิ้นกลับเป็น “เอร” 
ตามด้วยคำว่า “เรอร” รวมกัน “เอร-เรอร” 
คราวนี้มาฟังเจ้าของภาษาออกเสียงแล้วออกเสียงตามกันคะ
อย่าลืมฝึกออกเสียงกันนะคะ



ฝากติดตามเพจด้วยนะค่ะ https://www.facebook.com/speakenglishwithcoverngaaiverrr

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Pronunciation] ฝรั่ง งง “ออเร้นจุยซ์

เรียนกันทั่วบ้านทั่วเมือง คนไทยทุกคนรู้จักดีกับ “ออเร้นจุยซ์”
แต่ แต่ แต่ ถ้าไปพูดกับฝรั่งเค้างงแน่นอน 
บ้านเค้าไม่มีสระ “อุ๊ยซ์” 
จะพูดคำนี้ ต้องแยกคำว่า “Orange” และ “Juice” ให้เข้าใจ Pronunciation (การออกเสียง) ซะก่อน
คำว่า “Orange” เวลาออกเสียงจะมีสองพยางค์ 
พยางค์แรก “ออร” ไม่ใช่ “ออ” เฉยๆ 
บ้านเค้ามีเสียง “-r” ที่เพื่อนๆ ต้องเอาลิ้นห่อกลับไปแตะเพดานปาก อ่ะ ลองทำ “ออร”
พยางค์ต่อมา “เรนจ” คำนี้ต้องมีเสียง “จึ” แบบลมๆ ท้ายเสียง
ลองรวมเสียงกัน “ออรเรนจ” สำคัญที่เสียงลมดัง “จึ” ตอนท้าย 
คำต่อมา “Juice” อย่างที่บอกมาข้างต้น สระ “อุ๊ยซ์” ฝรั่งเค้าไม่มี 
ถ้าไม่มีแล้วออกเสียงยังไง 
คำนี้ที่ถูกต้องใช้สระ “อุ๊สซ์” อ่านว่า “จุ๊สซ์” นะคะ เสียงคัญที่เสียง “s” ตอนท้่าย 
เมื่อรวมกัน จะเป็น “ออรเร้นจ จุ๊สซ์” 
คราวนี้เรามาฝั่งเจ้าของภาษาออกเสียงคำนี้กันนะคะ ฟังแล้วก็อปปี้ให้เหมือนนะ 
แล้วมาฝึก Conver ให้ง่ายย Verrr.. กัน

Cr: Emma Saying


ฝากติดตามเพจด้วยนะค่ะ https://www.facebook.com/speakenglishwithcoverngaaiverrr

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Conversation] “คุณควรจะ…..” ภาษาอังกฤษคือ?

หัวข้อ Conver ง่ายย Verrr… ในวันนี้เสนอคอนเวอร์ฯ ง่ายๆ ที่คนไทยบางคนนึกยังไง...ก็นึกไม่ออก นั่นก็คือ “คุณควรจะ….” อย่างเช่น “คุณควรจะไปนะ” หรือ “คุณควรโทรหาเธอนะ”

วันนี้ Conver ง่ายย Verrr… 

ขอเสนอคำว่า “should” 
วิธีใช้ก็ง่ายๆ จะบอกว่า “คุณควรจะไปนะ” ภาษาอังกฤษก็คือ 
“You should go” (ไม่ต้องมี na นะ) หรือถ้าจะบอกว่า “คุณควรโทรหาเธอนะ” “You should call to her” 
แค่นี้ ง่ายย Verrr… เห็นไหม

หรือถ้า
อยากยกระดับความจริงจังหน่อย 
เราสามารถใช้ “ought to” ที่มักใช้ในภาษาเขียน 
เพื่อเน้นในสิ่งที่ควรจะทำทันทีได้ด้วย แต่ความหมายของ 
"ought to" นี้ความหมายจะอิงไปทางแปลว่า "ต้อง" มากกว่า "ควรจะ" 
เช่น "คุณควรต้องบอกเธอว่าคุณรู้สึกอย่างไร" ให้พูดว่า  "You ought to tell her how you feel." 

***แต่ระวัง "ought to" ความหมายจะไม่ใช่เชิงคำสั่งเหมือนกับ "have to" หรือ "must" แต่เป็นการแนะนำที่เลี่ยงไม่ได้นั่นเอง***

สรุปง่ายๆคือ ถ้าสถานการณ์ทั่วๆ ไป เราใช้คำว่า "should" ได้เลยค่ะ

แต่ถ้าอยากจะสื่อความหมายประมาณว่า "ควรจะต้อง...." ให้ใช้คำว่า "ought to" นั่นเองค่ะ
ฝึกใช้กันเยอะๆ นะคะ Conver ไม่ยากนะคะ เพราะ Conver ง่ายย Verrr... 

[Conversation] "She's alien"!?



ห๊ะ!! เดินห้างอยู่ดีๆ ได้ยินฝรั่งเดินสวนทางมาแล้วพูดประโยคนี้ ตกใจเลยคิดว่า มีมนุษย์ต่างดาวบุกโลก แถมมาเดินห้างเลยเหรอ??      (ถ้าหล่ออย่างโดมินจุนก็ดีเหมือนกันนะ) เดินมึนงงอยู่ซักพัก เลยควักมือถือขึ้นมาถึงบางอ้อเลย

"Alien" ความหมายแรกเลยคือคนต่างด้าวนะ ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว

เปรียบเทียบง่ายๆ ก็เวลาเราพูดว่า “ฉันจ้างคนต่างด้าวมาทำความสะอาดบ้าน"
เพื่อนๆ ก็แค่พูดว่า "I hire alien to clean my house"

สำหรับคนไทยยังไงก็ชินกับการพูดว่า Alien ที่เป็นมนุษย์ต่างดาว   แต่ความเป็นจริง ฝรั่งเค้าใช้คำนี้หมายถึง “ต่างด้าว” ก่อนจะใช้หมายถึง “มนุษย์ต่างดาว” ซะอีกนะ ลองฝึกใช้บ่อยๆ จะคุ้นเคยมากขึ้นนะคะ ฝึกเยอะๆ กับConver ง่ายย Verrr... ค่ะ


Cr: Twitter: vocabaday 

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Conversation "เมื่อก่อนฉันเคย...." พูดเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร



หากเราต้องการบอกเล่าถึงสิ่งที่เราทำอะไรมาก่อนเป็นเวลานานๆ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว เช่น "เมื่อก่อนเคยไปโรงเรียนทุกวัน" หรือ "เมื่อก่อนกินร้านนี้ทุกวันเลย" 
วันนี้ Conver ง่ายย Verrr.. ขอเสนอ คำว่า "Used to" ค่ะ

อันดับแรก ผู้พูดต้องคำนึงถึงก่อนว่าการพูด used to คุณจะต้องคิดว่าเราพูดถึงอดีต 

แต่!! แต่ Verb ที่ใช้ให้นึกถึงรูปปกติไว้ ไม่ต้องช่อง 2 ช่อง 3 ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะ used to เป็นรูปอดีตให้แล้ว

อ่ะๆๆ ยกตัวอย่างจากประโยคค้างบน "เมื่อก่อนฉันเคยไปโรงเรียนทุกวัน" แค่พูดว่า " I used to go to school everyday." โห ง่ายมากเลย 

อีกสักประโยค "เมื่อก่อนกินร้านนี้ทุกวันเลย" ก็พูดว่า "I used to eat food at this restaurant everyday."

ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะ...เพราะภาษาอังกฤษไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ.

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

[Conversation] จะบอกภาษาอังกฤษว่า "มี...."



สวัสดีทุกคนที่เข้ามาอ่าน วันนี้ขอเริ่มการเขียน Blog ครั้งแรกด้วยการ 

แนะนำวิธีการบอกเป็นภาษาอังกฤษว่า
"มี......." ให้ถูกต้องสำหรับหลายคนที่ยังสับสนอยู่

ยกตัวอย่าง “มีหนังสือวางอยู่บนโต๊ะ” 


คนไทยหลายคนจะคิดว่าเป็น "A book on a table" หรือถ้า "Have a book on a table." ยิ่งแล้วไปกันใหญ่เลยค่ะ ผิดสุดๆ


ที่ถูกต้องเป็น "There is the book on a table."


เราใช้คำว่า
There is และ There are ทั้งสองคำมีความหมายว่า "มี" เหมือนกัน แต่อย่าเพิ่งเข้าใจว่าใช้เหมือนกันนะ 

มันต่างกันค่ะ ต่างยังไง ต่างตรงไหน มาดูกัน 


There is + คำนามเอกพจน์/นามนับไม่ได้  


ตัวอย่างเช่นนะคะ


There is a bottle of beer in the fridge. => มีขวดใส่เบียร์ในตู้เย็น


There is some orange juice on floor. => มีน้ำส้มหกบนพื้น


There is a cat under the table. => มีแมวอยู่ใต้โต๊ะ


ส่วน
There are + นามพหูพจน์

There are three cats on the sofa. => มีแมวสามตัวบนโซฟา


There are a lot of people in the department store => มีผู้คนเยอะแยะมากมายในห้างสรรพสินค้า


There are children under the tree. => มีเด็กๆ อยู่ใต้ต้นไม้


สรุปนะคะ
ถ้าจะพูดว่า "มี....... อยู่ที่นั่นที่นี่" จะใช้นามมาเฉยๆ ไม่ได้นะคะ เราต้องใช้ There is หรือ There are มานำหน้าด้วยค่ะ

ลองทำความเข้าใจแล้วเอาไปใช้กันดูนะค่ะ


ฝากติดตามเพจด้วยนะค่ะ https://www.facebook.com/speakenglishwithcoverngaaiverrr